สโมสร ไบรท์ตัน แอนด์โฮฟอัลเบียน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1901 และส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันในเซาเทิร์นลีก โดยสามารถคว้าแชมป์เซาเทิร์นลีก ดิวิชัน 1 ได้ในฤดูกาล 1909—10 ทำให้ได้แข่งขันเอฟเอ แชริตี ชิลด์ ซึ่งในยุคสมัยนั้นจะเป็นการแข่งขันกันระหว่างแชมป์เซาเทิร์นลีก และแชมป์ฟุตบอลลีก
โดยแชริตี ชีลด์ ในปี ค.ศ. 1910 ไบรตันแอนด์โฮฟ อัลเบียน ซึ่งได้แชมป์เซาเทิร์นลีก สามารถเอาชนะแอสตัน วิลล่า ที่เป็นแชมป์ฟุตบอลลีกได้ 1—0 ทำให้เป็นแชมป์แชริตี ชีลด์ ในปีดังกล่าว โดยนับเป็นแชมป์ในรายการสำคัญของประเทศรายการเดียวของสโมสร
สนามเหย้าที่ใช้ในการแข่งขัน
สนามในยุคเริ่มต้นของสโมสรคือสนามกีฬาฟัลเมอร์ (Falmer Stadium) หรืออีกชื่อที่เรียกอย่างเป็นทางการคือ ดิ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส คอมมิวนิตี สเตเดียม (American Express Community Stadium)
โดยสนามแห่งนี้มักถูกเรียกโดยย่อว่า ดิ เอเม็กซ์มีความจุทั้งสิ้น 30,750 ที่นั่ง ก่อสร้างขึ้นมาด้วยการระดมเงินทุนจำนวน 105 ล้านปอนด์ เมื่อปี ค.ศ. 2009 จากการเข้ามาของโทนี บลูม ที่รับตำแหน่งประธานคนใหม่ในขณะนั้น และสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 2011
แต่ว่าในช่วงยุคเริ่มต้นสโมสรสนามเหย้าเดิม คือ โกลด์สโตนกราวด์ ที่ใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1901
ตราสโมสรและฉายา
ด้วยทำเลที่ตั้งของสโมสรที่อยู่ในนครไบรท์ตันและโฮฟ ซึ่งเป็นเมืองชายทะเลที่มีนกนางนวลอยู่เป็นจำนวนมากทำให้ทีมไบรท์ตันแอนด์โฮฟอัลเบียนนั้นมีโลโก้ที่ประกอบไปด้วย นกอยู่ในตราสโมสร อีกด้วย
ซึ่งเป็นโลโก้แบบง่ายๆคือเป็นรูปนกและตัวอักษรชื่อทีมเท่านั้นเอง จึงเป็นที่มาของฉายาว่า The Seagulls ที่แปลว่านกนางนวล
เรื่องราวของสโมสรฟุตบอลไบรท์ตันแอนด์โฮฟอัลเบียน
สโมสรส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันครั้งแรกในเซาเทิร์นลีก และในอีก8ปีต่อมาสามารถคว้าแชมป์เซาเทิร์นลีก ดิวิชัน 1 ได้ในฤดูกาล 1909-10 ทำให้ทีมได้เข้าร่วมแข่งขันเอฟเอ แชริตี้ ชิลด์
ซึ่งในยุคสมัยนั้นจะเป็นการแข่งขันกันระหว่างแชมป์เซาเทิร์นลีก และแชมป์ฟุตบอลลีก
การชิงแชมป์ เอฟเอ แชริตี้ ชีลด์ ในปี ค.ศ. 1910 ทีมไบรท์ตันแอนด์โฮฟ อัลเบียน ซึ่พบกับทีมแอสตัน วิลลา ที่เป็นแชมป์ฟุตบอลลีก ผลออกมาเป็นพวกเขาเอาชนะมาได้ 1—0 ทำให้เป็นแชมป์แชริตี ชีลด์ ในปีดังกล่าว โดยนับเป็นแชมป์แรกและแชมป์เดียวที่เป็นรายการแข่งขันภายในประเทศ
ปีค.ศ. 1920 สโมสรได้เข้าร่วมการแข่งขันในฟุตบอลลีกเป็นครั้งแรก โดยได้เข้ามาแข่งขันในระดับ ดิวิชัน 3 และได้ตำแหน่งรองแชมป์ ดิวิชัน 3 ในฤดูกาล 1971—72 ทำให้เข้าไปแข่งขันในดิวิชั่น 2 แต่ฤดูกาลถัดมาสโมสรก็ต้องตกชั้นกลับลงไปในดิวิชัน 3 เมื่อจบฤดูกาลด้วยอันดับสุดท้ายในตารางคะแนนดิวิชัน 2 ฤดูกาล 1972—73
ปี ค.ศ. 1976 ภายใต้การคุมทีมของอลัน มัลเลอรี เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยมัลเลอรี เขาสามารถสร้างผลงานพาสโมสรเลื่อนชั้นได้ถึง 2 ครั้ง ในช่วงระยะเวลาแค่ 3 ปี โดยในฤดูกาล 1976—77 มัลเลอรีพาสโมสรได้รองแชมป์ ดิวิชัน 3 และได้เลื่อนชั้นกลับขึ้นไปแข่งในดิวิชัน 2 อีกครั้ง และจบด้วยรองแชมป์ดิวิชัน 2 เมื่อจบฤดูกาล 1978—79 ส่งผลให้ทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศเป็นครั้งแรก แต่ด้วยผลงานที่ไม่สม่ำเสมอทำให้ทีมต้องตกชั้นอยู่บ่อยครั้งและไม่สามารถเลื่อนชั้นมาลีกสูงสุดได้อีกเลย
และในฤดูกาล 2016–17 สโมสร ไบรท์ตัน แอนด์โฮฟอัลเบียนสามารถกลับมา เลื่อนชั้นขึ้นมาแข่งในพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง หลังจากการรอคอยมานานถึง 34 ปี หลังจากเอาชนะวีแกนแอทเลติก ได้ที่สนามฟัลเมอร์สเตเดียมของตนเองไป 2–1 ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2016
รางวัลแห่งเกียรติประวัติของสโมสร
ฟุตบอลลีกเซคกันด์ดิวิชั่น/ฟุตบอลลีกวันแชมป์ 1957–58, 2001–02, 2010–11
ฟุตบอลลีกสอง/สาม/สี่แชมป์ 1964–65, 2000–01
Southern Football Leagueแชมป์ 1909–10
เอฟเอแชริตีชีลด์แชมป์ 1910
บทความเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลที่น่าสนใจ
สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United Football Club)
สโมสรฟุตบอลท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์(Tottenham Hotspur Football Club)
สโมสรฟูแล่ม (Fulham Football Club)
สโมสรคริสตัล พาเลซ (Crystal Palace Football Club)
Last Update : 1 มีนาคม 2021 (ข้อมูลล่าสุดปี 2021)
Written by: tae